และการต่ออายุวีซ่าท่องเที่ยวที่ต่างประเทศไม่สามารถทำได้ ต้องกลับไปแล้วไปขอมาใหม่เท่านั้น
สำหรับวีซ่าถาวร ที่สามารถพำนักเกินกว่า หกเดือนนั้น สามารถต่อได้ในประเทศที่เข้ามา ไม่ต้องกลับไปต่อที่ไทย
ปี 2011 นี้ ทางการเช็กได้มีการปรับเปลี่ยนระบบหลายอย่าง และได้ออกเป็นกฏหมายใหม่ อย่างเช่นเรื่องการต่อวีซ่าก็ ถือเป็นการปฏิวัติระบบครั้งใหญ่ ที่แต่เดิมหน่วยงานที่เคยรับผิดชอบเรื่องการออกวีซ่าให้แก่ชาวต่างชาติก็คือ ตำรวจต่างประเทศ พอกฏหมายใหม่ออกมาให้มีการเปลี่ยนถ่ายหน่วยงานที่รับผิดชอบเป็นกระทรวงมหาดไทย (หรือจะเรียกว่ามหาดเช็กดี) พร้อมกับออกกฏหมายใหม่ให้เข้มงวดขึ้น และยังให้มีการบันทึกรายละเอียดและข้อมูลบุคคลต่างด้าวมากขี้นกว่าแต่ก่อนด้วย ทำให้ผู้ที่ประสงค์จะต่อวีซ่าแบบ ระยะยาวต้องทำการบันทึกข้อมูลชีวภาพBiometric (ถ่ายภาพ และสแกนลายนิ้วมือยังไม่ถึงกับต้องสแกนม่านตา )ลงคอมพิวเตอร์และลงในแผ่นการ์ด Blue card ด้วย เป็นเสมือนบัตรประจำตัวมีสีฟ้า ขนาดใหญ่กว่าบัตรเครดิตทั่วไปเล็กน้อย
ก็อยากจะเล่าเรื่องสถานที่ใหม่ที่ไปต่อวีซ่ามาเอาไว้เผื่อมีใครต้องการข้อมูล สถานที่ต่อวีซ่านั้นเดินทางโดยรถไฟใต้ดินสีแดง ไปยังสถานี Chodov อ่านว่าโคโดฟ พอลงรถแล้วก็เดินออกมาที่สถานีรถบัสข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามกับฝั่งที่มีหลังคาคล้ายเต้นท์สีขาว มีรถเบอร์ 135 นั่งต่อไปอีกสองป้ายก็จะเห็นตึกที่ทำการใหม่ทางด้านซ้ายมือ พอเดินเข้าไปยังอาคาร แทนที่จะพบกับส่วนของประชาสัมพันธ์ก่อน กลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะตรงบริเวณทางเข้าเป็นห้องเล็กๆสามห้องสำหรับสแกนลายนิ้วมือ (Fingers print) และถ่ายภาพเพื่อทำข้อมูลชีวภาพ
ส่วนของประชาสัมพันธ์นั้น อยู่ตรงกลางอาคาร เขานัดมากี่โมงก็ต้องรอเวลาตามนั้นเป๊ะๆ มาก่อน ไม่มีคนเข้าคิวเลยและเจ้าหน้าที่ก็ว่าง แต่ก็จะบอกให้เรารอเวลาแล้วกลับมาเข้าคิวเมื่อถึงเวลา
อีกเรื่องที่เป็นเรื่องยากลำบากสำหรับคนไทยก็คือ ไม่ว่าจะเป็นเอกสาร หรือเจ้าหน้าที่ ไม่มีการใช้ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาเช็กอย่างเดียว ดังนั้นผู้ที่ไปต่อวีซ่าจะต้องพาคนที่พูดภาษาเช็กได้ไปด้วย ไม่งั้นจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารหรือกรอกข้อความในแบบฟอร์ม (อันนี้เป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เปลี่ยนหน่วยงานรับผิดชอบใหม่แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงดีขี้นสำหรับผู้ที่มาทำวีซ่า )
เมื่อก่อนนั้นจำได้ว่าเวลาไปต่อวีซ่า นายจ้างจะจ้างคนช่วยเดินเอกสารให้ แล้วก็จะพาไปทำด้วยต้องไปแต่เช้า แล้วก็จะมีผู้คนที่มาต่อวีซ่าต่อคิวกันยาวเหยียดเห็นแล้วก็นึกในใจว่าเมื่อไหร่ถึงจะถึงคิวเรา แต่พอไปถึงแล้ว พบกับคนที่จ้างมาช่วยเดินเรื่อง เธอก็จะมองหาใครสักคน แล้วก็พาพวกเราแทรกตัวเข้าไปในกลุ่มคนที่มายืนรอแต่เช้า แล้วก็ทักทายผู้ชายคนหนึ่ง ทราบภายหลังว่าเป็นคนรับจ้างมายืนเข้าคิวแทนอีกทีนึง (จ้างกันกี่ทอดแล้วเนี่ย ) พอรับเงินกันเรียบร้อยพวกเราก็เสียบอยู่ในคิวที่เขาจองเอาไว้ แต่นั่นไม่ใช่คิวที่รอเรียกทำวีซ่า เป็นแค่คิวที่รอก่อนประตูสำนักงานจะเปิดตามเวลาทำการของเขา พอประตูเปิดทุกคนก็รีบวิ่งเหมือนเวลาเขาปล่อยวิ่งมาราธอนเพื่อไปกดบัตรคิวที่เครื่องเขียนไปก็อาจจะนึกไม่ออกว่ามันจะขนาดไหนต้องดูวิดีโอแล้วกัน
ผู้คนมากมายรอต่อวีซ่า
ในวิดีโอคือตอนเช้าตรู่ตั้งแต่สำนักงานยังไม่เปิดทำการผู้คนก็มายืนรอเพื่อต่อวีซ่ากันอย่างแน่นขนัด พอประตูเปิดผู้คนก็พากันแย่งกันเข้าประตูเพื่อกดบัตรคิว ทีนี้พอได้บัตรคิวมาแล้วก็รอเจ้าหน้าที่เรียกตามคิว เจ้าหน้าที่ไม่พูดภาษาอังกฤษ(อาจเพราะพูดไม่ได้) ก็ต้องมีพี่เลี้ยงตลอดเวลาในการติดต่อเจ้าหน้าที่ ในวิดีโอก็คือสถานที่เก่าที่เคยไปทำวีซ่า ก่อนที่จะย้ายมายังที่ทำการใหม่ รับผิดชอบโดยกระทรวงมหาดไทย(มหาดเช็ก)
กลับมาต่อเรื่องที่ทำการใหม่ หลังจากที่เราติดต่อที่ประชาสัมพันธ์แล้ว เขาก็จะให้เรารอเรียกเพื่อทำการถ่ายภาพและเก็บลายนิ้วมือ โดยสแกนแค่นี้วชี้ทั้งสองมือเท่านั้น และนิ้วโป้งทั้งสองมือ (ไม่เหมือนตอนที่ไปขอวีซ่าเพื่อไปอังกฤษ ที่นั่นต้องสแกนทุกนิ้ว ทั้งสองมือ เครื่องสแกนก็ใหญ่กว่าด้วย ) เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะปริ้นท์ข้อมูลให้เราเซนต์ชื่อกำกับ หลายแผ่น แล้วก็ให้เราเช็คว่าข้อมูลส่วนตัวเราพิมพ์ถูกต้องหรือไม่ พอเช็คเสร็จไม่มีอะไรผิดพลาดก็คืนให้เจ้าหน้าที่ไป เสร็จแล้วเขาก็จะพิมพ์ใบนัดวันที่เราต้องมารับวีซ่าอีกที ครั้งนี้ได้เลขสวยมาก ในวันที่ไปรับวีซ่า คือวันที่ 11-11-11 วันที่ เดือน และปี เป็นเลขเดียวกันหมดเลย แปลกดีนานๆจะได้มีเหตุการณ์ที่ต้องทำในวันที่เลขตรงกันทุกตัวแบบนี้หายากมาก เขาก็นัดมาตั้งแต่ แปดโมงเช้า ก็คงต้องไปนอนค้างที่ปรากสักคืน เพราะเดินทางแต่เช้าก็คงไปไม่ทันแน่นอน ไปหาที่พักแถว chodov ซึ่งเป็นศูนย์ช้อปปิ้งมอลล์ที่ใหญ่ที่สุดในปราก ก็เลยกะว่าจะไปเดินซื้อของด้วย เพราะรู้ว่าที่นั่นใหญ่ที่สุดในปรากแต่ก็ยังไม่เคยไปเดินเล่นสักที
อ้อ ลืมเล่าไปอีกตอนหนึ่ง คือพอได้ใบนัดแล้ว เราต้องไปที่ห้องจำหน่ายอากรสแตมป์ที่อยู่ด้านหลังสุด มีเจ้าหน้าที่สาวสวยคนเดียวทำหน้าที่จำหน่ายอากร เราก็ต้องซื้ออากรสแตมป์นี้ไว้เพื่อวันที่เราไปรับวีซ่าต้องปิดอากรสแตมป์นี้ด้วย ได้มาสามดวง ราคาทั้งหมดก็สองพันห้าร้อยเช็กคราวน์ เจ้านายเป็นคนออกให้เรียบร้อยแล้วก็ให้เราเก็บเอาไว้ให้ดี อย่าทำหายเพราะถ้าหายก็ต้องซื้อเองใหม่ ก็คงเป็นอากรสแตมป์ที่ราคาแพงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลย
กลับมาเล่าต่อ หลังจากที่แพลนเอาไว้ว่าจะมานอนค้างในปรากสักคืนก่อนมารับวีซ่า ปรากฏว่ามาไม่ได้ เพราะงานเข้าเยอะ เลิกงานดึก เลยต้องวางแผนใหม่ ออกจากบ้านแต่ตีสี่แทน เพราะการเดินทางค่อนข้างลำบากจากเมืองที่อยู่ อากาศหนาวมาก มาถึงที่ทำการก่อนเวลาแปดโมง ยังไม่มีเจ้าหน้าทีมาเปิดประตู ทนหนาวไม่ไหว เดินกลับไปขึ้นรถเมล์หากาแฟร้อนๆดื่มสักถ้วย นั่งในรถเมล์อุ่นกว่า ก็เลยนั่งรถเมล์เล่นไปสองสามรอบ เพื่อรอเวลา แปดโมงตรงแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมาเปิดประตูให้ ผู้คนที่มารอเริ่มหงุดหงิด เคาะประตูกันหลายยก ก็ไม่มีใครมาเปิดให้ คือถ้ายังไม่พร้อมให้บริการก็เปิดประตูให้เข้าไปนั่งข้างในอุ่นๆก็ยังดี นี่ไม่เลย รอไปเกือบครึ่งชั่วโมง ถึงยอมเปิดให้ แล้วนัดมาทำไมตอนแปดโมงเช้าเนี่ย ไม่เข้าใจเลย เจ้าหน้าที่มาถึงตั้งแต่ เจ็ดโมงกว่าแล้วเปิดประตูเข้าไปแล้วก็ล๊อคไม่ให้คนอื่นเข้า แล้วก็ไปนั่งดื่มชา กาแฟกัน จนแปดโมงครึ่งถึงได้ลงมือทำงานกัน
ส่วนคนที่เคาะประตูสองสามคนแถวหน้าโดนทำเป็นลืม ไม่ยอมเรียกให้เข้าไปรับวีซ่า ซะเป็นการแก้คืนที่โวยวาย
รอไม่นานก็ถูกเรียก ให้เข้าไปในห้องถ่ายรูปอีกรอบ เพื่อไปสแกนดูลายนิ้วมืออีกรอบว่าเป็นคนเดียวกันกับที่มาทำคราวที่แล้วหรือไม่ พอเช็คแล้วตรงกัน ก็ให้เราเซ็นต์รับวีซ่าแบบใหม่ ที่ออกมาเป็นบัตรสีฟ้าอมชมพู แทนสติกเกอร์ที่มีการแปะลงในหนังสือเดินทางเหมือนเมื่อก่อน แต่อยากจะกรี๊ดรูปถ่ายในบัตรดูไม่ได้เลย หัวยุ่งมาก เพราะใส่หมวกกันหนาวมา พอถ่ายรูปก็ถอดออก แล้วก็ไม่มีกระจกให้ดูสารรูปตัวเองก่อนถูกบันทึกภาพเลย เห็นแต่กระจกนอกห้อง เรียกว่าถ้ารู้ว่าเรียกมาทำวีซ่า ก็แต่งผมซะให้เรียบร้อยก่อนจะเข้าห้องแล้วกัน ไม่งั้นจะออกมาดูไม่ได้เหมือนดิฉันเนี่ย
วีซ่ารุ่นนี้ถือเป็นรุ่นแรกปฏิวัติเลยทีเดียว และยังล่าช้าไปหลายเดือน วีซ่าหมดตั้งแต่เดือน หก ไปรับอีกทีก็เดือนสิบ ใช้เวลานานมาก แต่เพื่อนส่งเรื่องไปก่อนหนึ่งเดือนยังไม่ได้รับเลย เพื่อนบอกส่งทีหลังได้ก่อนส่งก่อนได้ทีหลัง แล้วช่วงที่ไม่มีวีซ่านี่ทำให้ออกเดินทางไปไหนไม่ได้เลย เพราะออกไปแล้วกลับเข้ามาไม่ได้อีก วีซ่าอังกฤษที่ทำไว้ เลยเป็นหม้ายไปเลย ได้มาหกเดือนใช้ไปสองอาทิตย์ รันเอ้าท์ไปซะแล้วต้องไปขอใหม่อีก เฮ่อ
ข้อมูลสถานที่ตั้งที่ทำการใหม่
......จะนำมาลงให้ภายหลัง
เว็บไซต์.....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น